ขั้นที่ 2 การใช้หมัด
Defending Punch
การใช้หมัด หรือ การต่อย ในมวยไทยมีหลายหลายรูปแบบ เช่น หมัดชกนำ หมัดชกตาม หมัดเหวี่ยงสั้น หมัดเหวี่ยงยาว หมัดเหวี่ยงกลับ หมัดเสย หมัดโขก เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดสามารถประยุกต์ใช้ตามแต่ละสถานการณ์ที่เผชิญขณะชกกับคู่ต่อสู้ศิลปะการใช้หมัด ภายในเล่มจะนำเสนอ การใช้หมัดของมวยไทยหลากหลายรูปแบบ ซึ่งแต่ละท่าหมัดล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยอันตราย ผู้ศึกษาจึงควรศึกษาการใช้หมัดในทางทฤษฎีให้เข้าใจก่อนนำไปฝึกซ้อมปฏิบัติ เพื่อป้องกันการบาดเจ็บและอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นโดยแต่ละท่าหมัด จะบอกขั้นตอนของการออกหมัดโดยละเอียด พร้อมภาพประกอบ ตลอดจนเกร็ดคำแนะนำที่มีประโยชน์ เพื่อให้ผู้ศึกษาได้เข้าใจและเห็นภาพได้อย่างชัดเจน
1. หมัดตรงชกนำ
2. หมัดรงชกตาม
รวมไปถึงสะโพกน้ำหนักตัวจะอยู่ที่เท้าหน้าโดยส่วนใหญ่หมัดตรงชกตามจะมีความหนักหน่วงและรุนแรงสร้างความเสียหายให้กับคู่ต่อสู้มากกว่าหมัดตรงชกนำ
3. หมัดเหวี่ยง
เราจะใช้หมัดนี้เมื่อคู่ต่อสู้ทำการปิดป้องหรือกำบังต่างๆ เช่นยกแขนปิดป้องใบหน้า เมื่อเราใช้หมัดเหวี่ยงสั้นชกหมัดโดยการงอและเกร็งข้อศอกไว้ให้หมัดออกเป็นวิถีโค้ง หมัดนี้จะเลยผ่านแขนคู่ต่อสู้เข้าสู่ใบหน้าหรือปลายคาง วิถีของหมัดอาจจะไม่ขนานพื้่น อาจเฉียงขึ้นหรือเฉียงลงบ้างตามแต่ความเหมาะสมใช้ในระยะประชิดเป้าหมายปลางคาง ใบหน้า ขากรรไกร
หมัดเหวี่ยงยาวหรือเรียกอีกอย่างว่าหมัดขว้างยาว คือการชกหมัดโดยเหยียดแขนยาวออกไป เกร็งแขนให้ตึง คว่ำมือพยายามให้สันหมัดถูกเป้าหมายโดยเหวี่ยงออกไปเป็นมุมกว้างใช้กับคู่ต่อสู้ที่อยู่ไกลออกไป ในระยะความยาวของแขนเรา เป้าหมายที่ชกคือปลายคาง ใบหน้า ท้ายทอย
หมัดเหวี่ยงกลับ
หรือหมัดตวัดกลับ ในบางครั้งที่เราใช้หมัดเหวี่ยวใส่เป้าหมายแต่คู่ต่อสู้หลบได้ เราจะใช้หมัดเหวี่ยงกลับนี้อีกครั้งเพื่อทำให้คู่ต่อสู้เสียเหลี่ยมหรือรูปมวยเพื่อชิงความได้เปรียบกลับมา หมัดเหวี่ยงกลับเป็นหมัดที่เหวี่ยงไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง แล้วจึงหยุดแล้วเหวี่ยงกลับสู่ทิศทางเดิม มีทั้งเหวี่ยงกลับตัดสวนไปกับพื้นดิน เหวี่ยงเฉียงลง เฉียงขึ้นหรือเหวี่ยงกลับโขกลง
4. หมัดเหวี่ยงสั้น
เราจะใช้หมัดนี้เมื่อคู่ต่อสู้ทำการปิดป้องหรือกำบังต่างๆ เช่นยกแขนปิดป้องใบหน้า เมื่อเราใช้หมัดเหวี่ยงสั้นชกหมัดโดยการงอและเกร็งข้อศอกไว้ให้หมัดออกเป็นวิถีโค้ง หมัดนี้จะเลยผ่านแขนคู่ต่อสู้เข้าสู่ใบหน้าหรือปลายคาง
วิถีของหมัดอาจจะไม่ขนานพื้่น อาจเฉียงขึ้นหรือเฉียงลงบ้างตามแต่ความเหมาะสมใช้ในระยะประชิดเป้าหมายปลางคาง ใบหน้า ขากรรไกร
5. หมัดเหวี่ยงยาว
โดยเหวี่ยงออกไปเป็นมุมกว้างใช้กับคู่ต่อสู้ที่อยู่ไกลออกไป ในระยะความยาวของแขนเรา เป้าหมายที่ชกคือปลายคาง ใบหน้า ท้ายทอย
6. หมัดเหวี่ยงกลับ
หมัดเหวี่ยงกลับเป็นหมัดที่เหวี่ยงไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง แล้วจึงหยุดแล้วเหวี่ยงกลับสู่ทิศทางเดิม มีทั้งเหวี่ยงกลับตัดสวนไปกับพื้นดิน เหวี่ยงเฉียงลง เฉียงขึ้นหรือเหวี่ยงกลับโขกลง
7. หมัดเสย
8. หมัดโขก
บวกกับแรงดึงดูดของโลกในจังหวะที่สันหมัดคว่ำลงทำให้หมัดโขกมีแรงปะทะสูง และอันตรายมากหากปะทะกับเป้าหมายอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะบริเวณกะโหลกศีรษะเมื่อโดนกระแทกด้วยหมัดลักษณะนี้จะทำให้คู่ชกมึนงง หรือได้รับบาดเจ็บร้ายแรง
9. ถอยสุดระยะ
ดังนั้นการถอยนี้จึงหมายถึงการเคลื่อนที่ออกห่างคู่ต่อสู้ในจังหวะที่คู่ต่อสู้ใช้ไม้มวยจู่โจมมา เมื่อถอยพ้นระยะแล้วจะต้องอยู่ในท่าที่พร้อมจะตอบโต้คู่ต่อสู้ได้ทันที
10. ผงะ
หมายถึงการเอนตัวออกให้พ้นระยะไม้มวยของคู่ต่อสู้ไม่ให้มาปะทะตัวเรา โดยไม่ต้องกระโดดถอยหลัง หรือฉากหลบ เช่น เมื่อคู่ต่อสู้เตะตัดบนเป้าหมายลำตัวของเรา
ให้รีบโก่งตัวไปทางด้านหลังให้เท้าคู่ต่อสู้ผ่านลำตัวไป การโยกตัวหรือเอนตัวลักษณะนี้ไม่นิยมออกห่างคู่ต่อสู้จนเกินไป เพราะถ้าอยู่ห่างไปจะทำให้ไม่สามารถตอบโต้คู่ต่อสู้ได้ทัน
11. ปะทะด้วยแขน
คือการใช้หมัดปิดป้องอวัยวะที่เป็นจุดอ่อนของร่างกายปะทะเข้ากับหมัดคู่ชก เมื่อปิดป้องแล้วจะต้องอยู่ในท่าที่สามารถตอบโต้คู่ต่อสู้ได้ทันที
12. ปัด
ไม่ว่าจะเป็นไม้หมัด ไม้เตะ ไม้ถีบ ไม้เข่า และไม้ศอก เราสามารถปัดให้เบี่ยงเบนและเสียหลักได้ทั้งนั้น แต่ถ้าให้ไม้รับนี้ได้ผลมักจะใช้กับไม้มวยที่พุ่งมาในทิศทางตรง เช่น หมัดตรง ถีบตรง เข่าตรง เป็นต้น
13. ฉากหลบ
ไม่ว่าจะเป็นไม้หมัด ไม้เตะ ไม้ถีบ ไม้เข่า และไม้ศอก เราสามารถปัดให้เบี่ยงเบนและเสียหลักได้ทั้งนั้น แต่ถ้าให้ไม้รับนี้ได้ผลมักจะใช้กับไม้มวยที่พุ่งมาในทิศทางตรง เช่น หมัดตรง ถีบตรง เข่าตรง เป็นต้น